Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
ยอดขายโตแต่กำไรหด? เปิดโปง 'ต้นทุนแฝง' และวิธีคำนวณต้นทุนผลิต (Actual Cost) ที่ถูกต้อง
คู่มือสำหรับ SME ที่จะเปลี่ยนการคำนวณต้นทุนที่ซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อการตั้งราคาที่ทำกำไรและตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างเฉียบคม
4 July, 2025 by
Taaxteam Post

ทำไมยอดขายโต แต่กำไรไม่เพิ่ม? รู้จัก 'ต้นทุนแฝง' ตัวการร้ายที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจคุณ

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี แต่พอตรวจสอบดูบัญชีกำไรขาดทุน กลับพบว่ากำไรไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม หรือบางครั้งกลับลดลงด้วยซ้ำ? ผู้ประกอบการ SME จำนวนมากกำลังเผชิญกับสถานการณ์น่าปวดหัวนี้ ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่กลยุทธ์การขาย แต่อยู่ที่สิ่งที่คุณมองไม่เห็น นั่นคือ 'ต้นทุนแฝง' (Hidden Costs) ที่ซ่อนอยู่ในการผลิตของคุณ

ส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะให้ความสำคัญกับ ต้นทุนที่มองเห็น (Visible Costs) เช่น ค่าวัตถุดิบหลักๆ แต่กลับมองข้ามต้นทุนที่สำคัญไม่แพ้กันอย่างค่าแรงทางอ้อมและค่าใช้จ่ายในการผลิตอื่นๆ หรือที่เรียกว่า ค่าโสหุ้ย (Overhead) การมองข้ามต้นทุนเหล่านี้ทำให้การคำนวณต้นทุนสินค้าผิดพลาดอย่างร้ายแรง นำไปสู่การตั้งราคาขายที่ต่ำเกินไป และกัดกินกำไรของธุรกิจอย่างเงียบๆ

เทียบให้ชัด! วิธีคำนวณต้นทุนแบบเดิม vs. แบบ Actual Cost ที่มืออาชีพใช้

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองมาดูการเปรียบเทียบระหว่างวิธีคำนวณต้นทุนแบบง่ายๆ ที่ SME ส่วนใหญ่นิยมใช้ กับการคำนวณต้นทุนที่แท้จริง (Actual Cost) ที่ธุรกิจชั้นนำและกรมสรรพากรให้การยอมรับ ผ่านตัวอย่างการผลิต 'โต๊ะไม้' 1 ตัว

หัวข้อเปรียบเทียบ แบบง่าย (ที่มักทำผิด) แบบครบวงจร (Actual Cost)
ส่วนประกอบต้นทุน ค่าวัตถุดิบทางตรง ค่าวัตถุดิบทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าโสหุ้ยการผลิต
ตัวอย่างการคำนวณ ค่าไม้: 1,000 บาท ค่าไม้: 1,000 บาท
ค่าแรงช่าง: 500 บาท
ค่าโสหุ้ยปันส่วน: 400 บาท
ต้นทุนต่อหน่วย 1,000 บาท 1,900 บาท
ผลลัพธ์เมื่อตั้งราคาขาย 2,200 บาท กำไรที่คาดหวัง: 1,200 บาท
(ดูเหมือนกำไรเยอะ)
กำไรที่แท้จริง: 300 บาท
(ความจริงที่น่าตกใจ)

จากตารางจะเห็นว่า การมองข้าม ค่าโสหุ้ย คือ ความผิดพลาดที่ส่งผลกระทบมหาศาล ทำให้คุณตั้งราคาผิด และอาจกำลังขายสินค้าในราคาที่แทบไม่ได้กำไรหรืออาจจะขาดทุนโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

แยกส่วนประกอบต้นทุนผลิต (Actual Cost): ค่าแรงและค่าโสหุ้ย (Overhead) ที่ต้องรู้

การคำนวณต้นทุนการผลิตที่ถูกต้อง หรือ Actual Cost ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก การทำความเข้าใจแต่ละส่วนประกอบคือหัวใจของการควบคุมต้นทุนและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

1. วัตถุดิบทางตรง (Direct Materials): คือวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตสินค้าและสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของสินค้าชิ้นไหน เช่น ไม้สำหรับทำโต๊ะ, ผ้าสำหรับตัดเสื้อ

2. ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor): คือค่าจ้างของพนักงานที่ทำหน้าที่ผลิตสินค้าโดยตรง เช่น ค่าแรงช่างไม้ที่ประกอบโต๊ะ, ค่าแรงช่างเย็บผ้า

3. ค่าโสหุ้ยการผลิต (Manufacturing Overhead): นี่คือส่วนของ 'ต้นทุนแฝง' ที่ถูกมองข้ามบ่อยที่สุด เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโรงงานแต่ไม่สามารถระบุโดยตรงกับสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้ ตัวอย่างเช่น:

  • ค่าเช่าโรงงาน หรือค่าเสื่อมราคาอาคารโรงงาน
  • ค่าน้ำ-ค่าไฟในส่วนการผลิต
  • ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต
  • เงินเดือนผู้จัดการโรงงาน, หัวหน้าฝ่ายผลิต, พนักงานควบคุมคุณภาพ (QC), และพนักงานซ่อมบำรุง
  • วัสดุสิ้นเปลืองในโรงงาน (เช่น น้ำมันหล่อลื่น, น็อต, สกรู, กระดาษทราย)
  • ค่าประกันภัยโรงงานและเครื่องจักร

การบริหารจัดการต้นทุนเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพคือบันไดขั้นแรกสู่การเติบโต การมีระบบ โปรแกรมบัญชี SME ที่ดีจะช่วยให้การติดตามข้อมูลเหล่านี้เป็นไปอย่างอัตโนมัติและแม่นยำ

Workshop: 4 ขั้นตอนคำนวณต้นทุนจริง (Actual Cost) และตั้งราคาไม่ให้ขาดทุน

ตอนนี้เรามาลงมือปฏิบัติจริงกัน! ต่อไปนี้คือ 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการปันส่วนค่าโสหุ้ยเพื่อหาต้นทุนที่แท้จริงของสินค้า และนำไปสู่การตั้งราคาสินค้าที่ทำกำไร

  1. Step 1: รวบรวมค่าโสหุ้ยการผลิตทั้งหมด (Sum Total Overhead)
    รวบรวมค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าโสหุ้ยทั้งหมดใน một ช่วงเวลา (เช่น 1 เดือน) จากตัวอย่างข้างต้น สมมติว่าค่าเช่าโรงงาน (30,000), ค่าน้ำค่าไฟ (15,000), และเงินเดือนผู้จัดการโรงงาน (45,000) รวมเป็น 90,000 บาท
  2. Step 2: เลือกตัวหารเพื่อหาอัตราค่าโสหุ้ย (Choose an Allocation Base)
    เลือกเกณฑ์ในการปันส่วนต้นทุนที่สมเหตุสมผลกับธุรกิจของคุณ ที่นิยมใช้คือ 'ชั่วโมงแรงงานทางตรง' หรือ 'ชั่วโมงการทำงานของเครื่องจักร' ในตัวอย่างนี้ เราจะใช้ชั่วโมงแรงงานทางตรง สมมติว่าในเดือนนั้นมีชั่วโมงทำงานของช่างไม้ทั้งหมด 1,000 ชั่วโมง
  3. Step 3: คำนวณอัตราค่าโสหุ้ยต่อหน่วย (Calculate Overhead Rate)
    นำค่าโสหุ้ยทั้งหมดมาหารด้วยตัวหารที่เลือกไว้
    สูตร: ยอดรวมค่าโสหุ้ย / ยอดรวมตัวหาร
    ตัวอย่าง: 90,000 บาท / 1,000 ชั่วโมง = 90 บาทต่อชั่วโมงแรงงาน
  4. Step 4: คำนวณต้นทุนต่อหน่วยและตั้งราคาขาย (Calculate Total Cost & Set Price)
    เมื่อคุณรู้แล้วว่าโต๊ะ 1 ตัวใช้เวลาผลิต 4 ชั่วโมง คุณสามารถคำนวณต้นทุนจริงได้แล้ว
    ต้นทุนจริง = วัตถุดิบทางตรง + ค่าแรงทางตรง + (อัตราค่าโสหุ้ย x จำนวนชั่วโมงที่ใช้)
    ตัวอย่าง: 1,000 + 500 + (90 x 4) = 1,000 + 500 + 360 = 1,860 บาท
    จากนั้น คุณสามารถบวกกำไรที่ต้องการ (เช่น 30%) เพื่อตั้งราคาขายที่เหมาะสม: 1,860 x 1.30 = 2,418 บาท นี่คือวิธีตั้งราคาขายที่จะทำให้ธุรกิจของคุณมีกำไรอย่างแท้จริง

การคำนวณต้นทุนให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่เพื่อการตั้งราคา แต่ยังจำเป็นต่อการยื่นภาษีให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรอีกด้วย

เปลี่ยนข้อมูลต้นทุนให้เป็น 'อาวุธ' ทางธุรกิจ

ข้อมูลต้นทุนที่แม่นยำไม่ใช่แค่ตัวเลขสำหรับฝ่ายบัญชี แต่เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ามหาศาลสำหรับผู้บริหารในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

Pro Tip: ผู้บริหารที่รู้ต้นทุนจริงของสินค้าแต่ละชิ้น จะสามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมว่าจะลดราคาเพื่อสู้กับคู่แข่งได้แค่ไหน, ควรจัดโปรโมชันกับสินค้าตัวใด, หรือควรหยุดผลิตสินค้าตัวไหนที่กำลังสร้างภาระให้กับบริษัท

เมื่อคุณมีข้อมูลต้นทุนที่แท้จริงอยู่ในมือ คุณจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าสินค้าตัวไหนทำกำไรสูงสุด (Profit Champion) และสินค้าตัวไหนที่แม้จะขายดีแต่กลับมีกำไรต่ำ (Sales Trap) ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการผลิต การตลาด และการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดูกรณีศึกษาความสำเร็จของธุรกิจที่ใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนการเติบโต

หยุดคำนวณมือ! ทำไม SME ยุคใหม่ต้องใช้ระบบ ERP จัดการต้นทุน

มาถึงจุดนี้ คุณอาจจะคิดว่ากระบวนการคำนวณ Actual Cost นั้นซับซ้อนและใช้เวลามาก โดยเฉพาะหากต้องทำด้วยมือผ่าน Spreadsheet ซึ่งนั่นคือความจริง การคำนวณด้วยมือมีความเสี่ยงสูงจากปัญหาเหล่านี้:

  • ข้อมูลไม่ Real-time: คุณจะรู้ต้นทุนเมื่อสิ้นเดือนไปแล้ว ทำให้ตัดสินใจล่าช้า
  • ความผิดพลาดสูง: การป้อนข้อมูลด้วยคน (Human Error) อาจทำให้ตัวเลขคลาดเคลื่อนมหาศาล
  • เสียเวลา: ฝ่ายบัญชีต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมและปันส่วนต้นทุน แทนที่จะได้ไปทำงานวิเคราะห์ข้อมูล
  • ไม่สามารถเชื่อมโยงกับฝ่ายอื่น: ข้อมูลต้นทุนไม่เชื่อมกับข้อมูลสต็อกวัตถุดิบจากฝ่ายคลังสินค้า หรือยอดขายจริงจากฝ่ายขาย

ทางออกสำหรับ SME ที่กำลังเติบโตคือการใช้ ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลทุกแผนกเข้าด้วยกัน ระบบ ERP จะทำการรวบรวมและคำนวณต้นทุน Actual Cost ให้คุณโดยอัตโนมัติและแบบ Real-time ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของธุรกิจและกำไรที่แท้จริงได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

พร้อมวางรากฐานการเติบโตที่มั่นคงแล้วหรือยัง?

การเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงคือจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจที่ทำกำไรและยั่งยืน อย่าปล่อยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนำทางธุรกิจของคุณไปในทางที่ผิด ให้ผู้เชี่ยวชาญของเราช่วยคุณวางระบบการจัดการต้นทุนและการเงินที่แข็งแกร่งด้วยโซลูชัน ERP ที่ออกแบบมาเพื่อ SME ไทยโดยเฉพาะ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ชมภาพรวมระบบ Taaxteam ERP
Taaxteam Post 4 July, 2025
Share this post
Tags