กำไรที่มองไม่เห็น: ทำไมค่าเงินบาทที่แข็ง/อ่อนค่า ถึงกัดกินกำไรธุรกิจนำเข้าของคุณ
คุณเคยเจอไหม? สั่งของจากจีนตอนค่าเงิน 34 บาทต่อดอลลาร์ แต่พอถึงวันจ่ายเงินในอีก 60 วันข้างหน้า ค่าเงินอ่อนตัวไปที่ 35.5 บาท ทำให้ต้นทุนพุ่งขึ้นหลักแสนโดยไม่รู้ตัว... นี่คือฝันร้ายของเจ้าของธุรกิจ SME ที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย สามารถส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อ ต้นทุนนำเข้า ที่แท้จริง และกัดกินกำไรสุทธิที่คุณควรจะได้รับไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับ CEO หรือกรรมการผู้จัดการ การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเพียง 3-5% อาจหมายถึงกำไรสุทธิของทั้ง Shipment ที่หายไปในพริบตา ทำให้การวางแผนกลยุทธ์เป็นเรื่องยาก ขณะที่ฝ่ายบัญชีและการเงินต้องปวดหัวกับการปิดงบที่ล่าช้า เพราะต้นทุนที่แท้จริง (Landed Cost) ไม่นิ่งสักที
ภาพจำลอง: เงินหายไปตอนไหน? เปรียบเทียบต้นทุนเมื่อค่าเงินผันผวน
ความเสี่ยงหลักซ่อนอยู่ในช่วงเวลาระหว่าง 'วันที่สั่งซื้อ (PO Date)' และ 'วันที่ชำระเงิน (Payment Date)' ซึ่งอาจห่างกันหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ลองดูตัวอย่างการสั่งซื้อสินค้ามูลค่า $10,000 USD เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
รายการ | สถานการณ์ A: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสั่งซื้อ | สถานการณ์ B: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันชำระเงิน (บาทอ่อนค่า) |
---|---|---|
มูลค่าสั่งซื้อ (USD) | $10,000 | $10,000 |
อัตราแลกเปลี่ยน (THB/USD) | 34.00 บาท | 35.50 บาท |
ต้นทุนสินค้าที่ต้องชำระ (บาท) | 340,000 บาท | 355,000 บาท |
ส่วนต่างต้นทุนที่เพิ่มขึ้น | - | +15,000 บาท |
จากตารางจะเห็นว่า เงินจำนวน 15,000 บาท คือกำไรที่หายไปกับอากาศ เพียงเพราะความผันผวนของค่าเงินในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่ธุรกิจจำนวนมากมองข้ามไป
ทำไม Excel และการเช็คเรทรายวันถึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
หลายบริษัทพยายามแก้ปัญหานี้โดยใช้ Spreadsheet ในการติดตามและคาดการณ์ต้นทุน แต่ในระยะยาว วิธีนี้กลับสร้างปัญหามากกว่าเดิม เพราะ:
- เสี่ยงต่อความผิดพลาด (Human Error): การคีย์ข้อมูลด้วยมือ การใช้สูตรที่ซับซ้อน มีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย และตรวจสอบได้ยาก
- ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน (Not Real-time): ผู้บริหารไม่สามารถเห็นสถานะทางการเงินที่แท้จริงได้ทันที ทำให้การตัดสินใจล่าช้าหรือผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อต้องรีบตัดสินใจสั่งซื้อล็อตใหญ่
- ขาดการเชื่อมโยงกับฝ่ายอื่น: ฝ่ายจัดซื้อมีข้อมูลตัวเลขชุดหนึ่ง ฝ่ายบัญชีมีอีกชุดหนึ่ง ทำให้เกิดความสับสนและเสียเวลาในการกระทบยอด
- สิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากร: พนักงานต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อเดือนในการรวบรวมและปรับปรุงข้อมูล แทนที่จะได้ใช้เวลาไปกับการวิเคราะห์เพื่อวางแผนกลยุทธ์
รู้จัก Forward Contract: เครื่องมือ 'ล็อกเรท' ที่ SME ก็ใช้ได้
เมื่อการติดตามด้วยมือไม่ใช่คำตอบ แล้วเราจะ ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ได้อย่างไร? คำตอบที่สถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ๆ ใช้กันคือ Forward Contract ซึ่ง SME ก็สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน
Forward Contract คืออะไร?
พูดง่ายๆ คือการ 'ทำสัญญาล่วงหน้า' กับธนาคารเพื่อซื้อเงินตราต่างประเทศใน 'อัตราที่ตกลงกันไว้วันนี้' สำหรับการใช้ในอนาคต เช่น คุณทำสัญญา Forward Contract เพื่อซื้อ $10,000 ที่เรท 34.20 บาท โดยจะใช้เงินจำนวนนี้ในอีก 90 วันข้างหน้า ไม่ว่าในอีก 90 วันนั้นอัตราแลกเปลี่ยนจริงจะเป็น 33.00 หรือ 36.00 บาท คุณก็จะยังได้แลกที่เรท 34.20 บาทเสมอ ทำให้คุณสามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงได้ตั้งแต่วันแรกที่สั่งซื้อ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
การทำ Forward Contract ช่วยเปลี่ยนความ 'ไม่แน่นอน' ของอัตราแลกเปลี่ยน ให้กลายเป็นต้นทุนที่ 'แน่นอน' และบริหารจัดการได้
เชื่อมโยงทุกอย่างด้วย ERP: วิธีบริหารสัญญา Forward Contract อย่างเป็นระบบ
แม้จะรู้จัก Forward Contract แล้ว แต่ความท้าทายต่อไปคือ จะบริหารจัดการสัญญาเหล่านี้ร่วมกับเอกสารสั่งซื้อ (PO) และใบแจ้งหนี้ (AP Invoice) จำนวนมากได้อย่างไร? นี่คือจุดที่ ระบบ ERP สำหรับธุรกิจนำเข้า เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางข้อมูล
Taaxteam ERP เปลี่ยนกระบวนการที่ซับซ้อนให้กลายเป็น Workflow ที่ชัดเจนและเป็นระบบ:
- Step 1: บันทึกสัญญา Forward Contract ในระบบ ERP
เมื่อคุณทำสัญญากับธนาคาร ให้บันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น เลขที่สัญญา, วงเงิน (เช่น $100,000), อัตราแลกเปลี่ยนที่ล็อกไว้ (เช่น 34.20 THB/USD), และวันหมดอายุของสัญญา เข้าไปในระบบ - Step 2: สร้างใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ในสกุลเงินต่างประเทศ
เมื่อฝ่ายจัดซื้อสร้าง ใบสั่งซื้อ (PO) ให้กับ Supplier ต่างประเทศ ระบบจะบันทึกยอดเงินเป็นสกุลเงินนั้นๆ (เช่น $10,000) - Step 3: เชื่อมโยง PO กับสัญญา Forward Contract
ณ ตอนที่สร้าง PO หรือตอนที่คาดว่าจะต้องชำระเงิน ฝ่ายบัญชีสามารถเลือกระบุได้ว่า PO ใบนี้จะใช้ยอดเงินจากสัญญา Forward Contract ฉบับใด - Step 4: บันทึกค่าใช้จ่าย (AP Invoice) เมื่อถึงกำหนดชำระ
เมื่อได้รับใบแจ้งหนี้จาก Supplier และบันทึกลงในระบบ ระบบจะดึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 'ล็อก' ไว้ในสัญญา Forward (34.20) มาใช้คำนวณเป็นยอดเงินบาทโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น - Step 5: ติดตามยอดคงเหลือของสัญญา
ระบบจะตัดยอดเงินในสัญญา Forward ให้อัตโนมัติ (เช่น สัญญา $100,000 ใช้ไปกับ PO นี้ $10,000 เหลือ $90,000) ทำให้คุณเห็นภาพรวมว่ายังเหลือวงเงินสำหรับล็อกเรทอีกเท่าไหร่ผ่าน Dashboard ที่เข้าใจง่าย
เปลี่ยนความผันผวนให้เป็นความแน่นอนด้วย Taaxteam ERP
การปล่อยให้กำไรของธุรกิจขึ้นอยู่กับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ควบคุมไม่ได้ ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปในยุคดิจิทัล การผสมผสานกลยุทธ์ทางการเงินที่ชาญฉลาดอย่าง Forward Contract เข้ากับเครื่องมือที่ทรงพลังอย่าง ระบบ ERP คือคำตอบสำหรับ SME ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน
หยุดปล่อยให้ความผันผวนของค่าเงินมาบั่นทอนกำไรธุรกิจคุณ ถึงเวลาควบคุมต้นทุน สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และวางแผนอนาคตได้อย่างแม่นยำด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม
พร้อมควบคุมต้นทุนและล็อกกำไรแล้วหรือยัง?
ให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราช่วยวิเคราะห์และวางแผนการนำระบบ ERP ไปใช้เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน ERP ฟรี ดู Case Study ธุรกิจที่ใช้ ERP ลดความเสี่ยงค่าเงิน