Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
ลดขั้นตอนเอกสารนำเข้าส่งออก: จัดการ Freight, Insurance, Duty ด้วยระบบ ERP
เปลี่ยนกองเอกสารที่วุ่นวายและต้นทุนแฝงให้กลายเป็น Workflow ที่ทำกำไรและตรวจสอบได้จริง
7 July, 2025 by
Taaxteam Post

บทนำ: ปลดล็อกธุรกิจนำเข้า-ส่งออกจากฝันร้าย 'กองเอกสาร' และต้นทุนที่มองไม่เห็น

สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออกระดับ SME ในประเทศไทย ภาพของโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร ทั้ง Invoice, Bill of Lading (B/L), Packing List, และใบขนสินค้า คงเป็นภาพที่คุ้นเคยกันดี การจัดการ เอกสารนำเข้าส่งออก เหล่านี้ด้วยมือไม่เพียงแต่กินเวลามหาศาล แต่ยังเปิดประตูสู่ข้อผิดพลาดและต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น เช่น ค่าใช้จ่าย Freight, Insurance, Duty ที่ยากต่อการควบคุม

ความท้าทายเหล่านี้คืออุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตของธุรกิจ แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม บทความนี้จะแสดงให้เห็นว่า ระบบ ERP สามารถเปลี่ยนกระบวนการที่ซับซ้อนให้กลายเป็น Workflow ที่เป็นอัตโนมัติ แม่นยำ และช่วยให้คุณตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างเฉียบคมได้อย่างไร

ทำไมกระบวนการแบบเดิมๆ ถึงกำลัง 'ฆ่า' ธุรกิจคุณอย่างช้าๆ

การทำงานแบบ Manual ไม่ใช่แค่เรื่องของความล่าช้า แต่มันคือความเสี่ยงและต้นทุนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทคุณ ปัญหาหลักๆ ที่ธุรกิจต้องเผชิญ ได้แก่:

  • ต้นทุนจมที่มองไม่เห็น: ค่าเสียเวลาของพนักงานที่ต้องมานั่งคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน กระทบยอดเอกสาร และติดตามสถานะด้วยตัวเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการพิมพ์และจัดเก็บเอกสารจำนวนมหาศาล
  • ความผิดพลาดจากคน (Human Error): การคีย์ตัวเลขผิดเพียงหลักเดียวในการคำนวณภาษีหรือปันส่วนค่าขนส่ง อาจทำให้การคำนวณต้นทุนสินค้าผิดเพี้ยนไปทั้งหมด นำไปสู่การตั้งราคาขายที่ผิดพลาดและขาดทุนโดยไม่รู้ตัว
  • ความเสี่ยงด้าน Compliance: เอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนอาจทำให้เกิดปัญหาล่าช้าที่ด่านศุลกากร ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่าเสียเวลาของตู้คอนเทนเนอร์ (Demurrage) หรือแม้กระทั่งค่าปรับ
  • ขาดข้อมูลในการตัดสินใจ: ผู้บริหารไม่สามารถเห็นภาพรวมต้นทุนที่แท้จริง (Landed Cost) ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การคาดการณ์กำไรและการวางแผนกลยุทธ์เป็นไปได้ยากและเต็มไปด้วยการคาดเดา

เปรียบเทียบชัดๆ: จัดการเอกสารและต้นทุนนำเข้า 'ก่อน vs. หลัง' ใช้ระบบ ERP

ระบบ ERP ไม่ได้เป็นเพียงโปรแกรมบันทึกข้อมูล แต่เป็นเครื่องมือที่เข้ามาปฏิวัติกระบวนการทำงาน เปลี่ยนความวุ่นวายให้กลายเป็น Workflow ที่มีระบบระเบียบ ตรวจสอบได้ และเป็นอัตโนมัติ เห็นภาพความแตกต่างได้ชัดเจนจากตารางเปรียบเทียบนี้

ขั้นตอนการทำงาน การทำงานแบบเดิม (Manual) การทำงานด้วยระบบ ERP (Automated)
การติดตามค่าใช้จ่าย รวบรวม Invoice ค่า Freight, Insurance, Duty จากหลายแหล่งด้วยมือ แล้วใช้ Spreadsheet คำนวณ ระบบบันทึกและปันส่วนต้นทุนเข้ากับ Shipment โดยอัตโนมัติ ทันทีที่ได้รับเอกสาร
การเตรียมเอกสาร พิมพ์และเตรียมเอกสารทีละชุดจากไฟล์ที่แยกกัน เสี่ยงต่อการใช้เวอร์ชันเก่าและข้อมูลตกหล่น สร้างชุดเอกสารทางการค้าทั้งหมดจากข้อมูลกลางในระบบ ลดความซ้ำซ้อนและผิดพลาด
การมองเห็นข้อมูล ผู้บริหารต้องรอทีมบัญชีรวบรวมและสรุปตัวเลขตอนสิ้นเดือนเพื่อดูภาพรวม Dashboard แสดง Landed Cost, กำไรเบื้องต้น และสถานะ Shipment แบบ Real-time
การกระทบยอด พนักงานบัญชีใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการเทียบเอกสาร PO, Invoice และใบรับสินค้า ระบบกระทบยอดใบสั่งซื้อ (PO), ใบแจ้งหนี้ (Invoice), และการรับสินค้า (GRN) ให้อัตโนมัติ

Landed Cost คืออะไร? ทำไมผู้บริหารธุรกิจนำเข้า-ส่งออกต้องให้ความสำคัญ

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าต้นทุนสินค้าคือราคาที่จ่ายให้ซัพพลายเออร์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ต้นทุนที่แท้จริงในการนำสินค้ามาชายแดนหรือคลังสินค้าของเรานั้นสูงกว่านั้นมาก นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Landed Cost ซึ่งคือต้นทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการ ตั้งแต่ราคาสินค้าหน้าโรงงานจนถึงสินค้ามาถึงมือเรา

สูตรการคำนวณเบื้องต้นคือ: Landed Cost = ราคาสินค้า + ค่าขนส่ง (Freight) + ค่าประกัน (Insurance) + ภาษีอากร (Duty & Taxes) + ค่าธรรมเนียมอื่นๆ (เช่น ค่าเอกสาร, ค่าบริการของตัวแทน) การคำนวณต้นทุนส่วนนี้ให้แม่นยำคือหัวใจของการตั้งราคาขายและวิเคราะห์กำไรที่แท้จริงของธุรกิจ

Pro Tip: ธุรกิจที่ไม่รู้ Landed Cost ที่แท้จริง ก็เหมือนกับการเดินเรือโดยไม่มีเข็มทิศ คุณอาจจะกำลัง 'ขาดทุน' ในทุกๆ Shipment ที่ขายออกไปโดยไม่รู้ตัว การทำความเข้าใจเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญตามหลักการของกรมศุลกากร

Workflow อัจฉริยะ: 4 ขั้นตอนที่ ERP ช่วยจัดการงานนำเข้า-ส่งออกของคุณ

ระบบ ERP ที่ดีจะสร้าง Workflow ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแผนกเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ฝ่ายจัดซื้อ โลจิสติกส์ คลังสินค้า ไปจนถึงฝ่ายบัญชี ทำให้การจัดการ Shipment กลายเป็นเรื่องง่ายและโปร่งใส

  1. เปิด PO และเชื่อมโยง Shipment: เริ่มต้นจากการสร้างใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ในระบบ และทันทีที่ได้ข้อมูลการขนส่งจากซัพพลายเออร์ ก็สามารถสร้าง Shipment Record เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการผูกเอกสารและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าครั้งนั้นๆ เหมือนการ บริหารโครงการ ขนาดย่อม
  2. บันทึกและปันส่วนต้นทุนแฝง: เมื่อได้รับ Invoice ค่าขนส่ง (Freight), ค่าประกัน (Insurance), หรือใบขนสินค้า (สำหรับ Duty) สามารถบันทึกค่าใช้จ่ายเหล่านี้และให้ระบบ 'ปันส่วน' ต้นทุนเข้าไปในมูลค่าของสินค้าแต่ละรายการใน Shipment นั้นๆ ตามปริมาณหรือมูลค่าโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณได้ต้นทุนสินค้าที่แท้จริง
  3. ติดตามสถานะและจัดการเอกสาร: อัปเดตสถานะของ Shipment ในแต่ละขั้นตอน (เช่น On vessel, Arrived at port, Customs Clearance) และแนบไฟล์เอกสารดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง (B/L, Invoice, Packing List) ไว้ในระบบกลาง ทำให้ทุกคนในทีมที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูข้อมูลและเอกสารได้จากที่เดียว ทุกที่ ทุกเวลา
  4. รับสินค้าและบันทึกบัญชี: เมื่อสินค้ามาถึงคลัง ฝ่ายคลังสินค้าสามารถทำการรับของเข้าระบบ โดยระบบจะอัปเดตสต็อกพร้อมกับ 'ต้นทุนที่แท้จริง' (Landed Cost) ที่คำนวณไว้ และส่งข้อมูลต่อไปยังฝ่ายบัญชีเพื่อบันทึกตั้งหนี้และปิดบัญชีได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว

เลือก ERP อย่างไรให้ตอบโจทย์? 4 ฟีเจอร์สำคัญที่ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกต้องมี

ไม่ใช่ทุกระบบ ERP จะถูกสร้างมาให้เท่าเทียมกัน สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออกโดยเฉพาะ การเลือก ซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจนำเข้าส่งออก ที่มีฟีเจอร์เหมาะสมคือปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ ลองมองหาฟังก์ชันหลักเหล่านี้:

Feature ประโยชน์ที่ได้รับ
Landed Cost Calculation Module หัวใจสำคัญที่ช่วยคำนวณและปันส่วนต้นทุนค่าขนส่ง, ประกัน, ภาษี เข้าไปในต้นทุนสินค้าแต่ละชิ้นโดยอัตโนมัติ
Document Management ความสามารถในการจัดเก็บและเชื่อมโยงเอกสารทั้งหมด (PO, Invoice, B/L) กับแต่ละ Shipment ในที่เดียว ลดปัญหากระดาษหายและค้นหาง่าย
Multi-Currency Support รองรับการทำธุรกรรมในหลายสกุลเงิน จัดการอัตราแลกเปลี่ยน และบันทึกบัญชีได้อย่างถูกต้องตามหลักการ
Inventory & Warehouse Integration เชื่อมต่อการรับสินค้าเข้ากับระบบ การจัดการคลังสินค้า เพื่ออัปเดตสต็อกพร้อมบันทึกต้นทุนที่แท้จริงทันที

พร้อมหรือยัง? ที่จะเปลี่ยนความวุ่นวายให้เป็น Workflow ที่ทำกำไร

ทุกธุรกิจมีขั้นตอนเฉพาะตัว ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมช่วยคุณออกแบบ Workflow การจัดการเอกสารและต้นทุนนำเข้า-ส่งออกบนระบบ ERP ที่เหมาะกับธุรกิจคุณโดยเฉพาะ มาดูกันว่าคุณจะประหยัดเวลาและเพิ่มความแม่นยำได้มากแค่ไหน

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ดูตัวอย่าง Case Study
Taaxteam Post 7 July, 2025
Share this post
Tags