Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
Lot Tracking คืออะไร? คู่มือตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ลดความเสียหายใน 3 ขั้นตอน
หยุดเรียกคืนสินค้าทั้งสต็อก! เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยระบบติดตามล็อตการผลิตที่แม่นยำและรวดเร็ว
4 July, 2025 by
Taaxteam Post

วิกฤตในกล่อง: เมื่อลูกค้าเจอสินค้ามีปัญหา คุณพร้อมรับมือแค่ไหน?

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายคือลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของคุณ แจ้งว่าเจอปัญหาร้ายแรงในสินค้าล็อตล่าสุดที่เพิ่งส่งไป คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจผู้บริหารคือ 'ปัญหานี้มาจากล็อตไหนกันแน่?' และ 'เราต้องเรียกคืนสินค้ามากแค่ไหน?'

สำหรับธุรกิจ SME หลายแห่ง สถานการณ์นี้คือฝันร้ายที่เป็นจริง การไม่สามารถระบุที่มาของสินค้าที่มีปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คือความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจทำให้คุณต้อง เรียกคืนสินค้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่ล็อตที่เสียหาย นำมาซึ่งความสูญเสียทางการเงินมหาศาล และที่สำคัญกว่านั้น คือการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่สร้างมานาน นี่คือจุดที่การ ตรวจสอบย้อนกลับสินค้า (Traceability) เข้ามามีบทบาทสำคัญ

Lot Tracking คืออะไร? และทำไมถึงเป็นหัวใจของธุรกิจยุคใหม่

Lot Tracking คือ กระบวนการบันทึกและติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มสินค้า (Lot/Batch) ตลอดทั้งโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การรับวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์, การนำเข้าสู่กระบวนการผลิต, การจัดเก็บในคลัง, ไปจนถึงการจัดส่งถึงมือลูกค้า ทำให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น คุณสามารถสืบย้อนกลับ (Trace Back) หรือติดตามไปข้างหน้า (Trace Forward) ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

แต่มันไม่ใช่แค่เครื่องมือแก้ปัญหา แต่เป็นกลยุทธ์สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน:

  • ลดความเสียหายทางการเงิน (Minimize Financial Damage): จำกัดวงการเรียกคืนสินค้าเฉพาะล็อตที่มีปัญหา ไม่ใช่ทั้งหมด ช่วยประหยัดต้นทุนความเสียหายได้มหาศาล
  • สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า (Build Customer Trust): แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและระบบควบคุมคุณภาพที่น่าเชื่อถือ การตอบสนองต่อปัญหาที่รวดเร็วคือการบริการลูกค้าที่ดีที่สุด
  • บริหารซัพพลายเออร์อย่างมีข้อมูล (Data-Driven Supplier Management): รู้ทันทีว่าวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายไหนคือต้นตอของปัญหา ทำให้สามารถเคลมและจัดการคู่ค้าได้อย่างมีหลักฐาน
  • ผ่านมาตรฐานสากล (Meet Compliance Standards): จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการส่งออกหรือขายสินค้าให้กับ Modern Trade และอุตสาหกรรมที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น อาหารและยา ซึ่งเป็นข้อบังคับตามกฎหมายอย่าง มาตรฐาน GS1 Global Traceability Standard

เปรียบเทียบชัดๆ: การติดตามด้วยมือ vs. ระบบอัตโนมัติ (ERP)

Key Takeaway: การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยเปลี่ยนกระบวนการที่วุ่นวายและใช้เวลาเป็นวันๆ ให้เสร็จสิ้นได้อย่างแม่นยำในไม่กี่นาที

หลายธุรกิจเริ่มต้นด้วยการใช้ Excel หรือเอกสารกระดาษเพื่อบันทึกข้อมูลล็อต แต่เมื่อธุรกิจเติบโต วิธีนี้จะกลายเป็นคอขวดที่สร้างความเสี่ยงอย่างมหาศาล ลองดูความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสองวิธีนี้:

Feature การติดตามด้วยมือ (Excel/เอกสาร) ระบบ Lot Tracking อัตโนมัติ (ใน ERP)
เวลาในการค้นหา หลายชั่วโมง หรือเป็นวัน ไม่กี่นาที หรือไม่กี่คลิก
ความแม่นยำ เสี่ยงต่อความผิดพลาดของคน (Human Error) สูง 100% เมื่อข้อมูลถูกบันทึกถูกต้อง
การเชื่อมโยงข้อมูล ข้อมูลแยกส่วน (คลัง, จัดซื้อ, ผลิต) เชื่อมโยงกันทั้งระบบ เห็นภาพรวมทันที
ต้นทุนแฝง ค่าเสียเวลาของพนักงาน, ความเสี่ยงในการเรียกคืนผิดพลาด ลดต้นทุนความเสี่ยงและความผิดพลาดในระยะยาว

จะเห็นได้ว่าการลงทุนใน ERP สำหรับธุรกิจผลิต ที่มีฟังก์ชัน ระบบ lot tracking ในตัว ไม่ใช่แค่การซื้อซอฟต์แวร์ แต่คือการซื้อความเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการรับมือกับวิกฤต

วิธีตามหาต้นตอของปัญหาใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ ด้วยระบบ Lot Tracking

Key Takeaway: ด้วยเครื่องมือที่ใช่ การสืบย้อนกลับหาซัพพลายเออร์สามารถทำได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็วจนน่าทึ่ง

เมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้น เวลาคือทุกสิ่ง ระบบที่ดีจะช่วยให้คุณค้นหาความจริงได้ในไม่กี่ขั้นตอน:

  1. ระบุสินค้าเป้าหมาย (Identify): เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดหรือกรอกเลข Lot/Serial Number ของสินค้าที่มีปัญหาลงในระบบ จัดการคลังสินค้า
  2. สืบย้อนกลับ (Trace Back): ระบบจะแสดงผลการเดินทางของสินค้าชิ้นนั้นย้อนกลับทันที ตั้งแต่การจัดส่ง, การผลิต, ไปจนถึงใบสั่งซื้อ (PO) และล็อตวัตถุดิบที่รับมาจากซัพพลายเออร์
  3. จำกัดวงและแก้ไข (Isolate & Act): คุณจะเห็นทันทีว่าวัตถุดิบล็อตเจ้าปัญหานี้ ถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าตัวไหนบ้าง และสามารถแจ้งเตือนลูกค้าหรือดึงสินค้ากลับได้เฉพาะส่วนนั้นๆ พร้อมส่งเรื่องเคลมกับซัพพลายเออร์ได้อย่างมีหลักฐาน

ข้อมูล Lot Tracking: อาวุธลับในการบริหารซัพพลายเออร์และสต็อก

ข้อมูลจากการทำ ติดตามล็อตการผลิต ไม่ได้มีไว้ใช้แค่ตอนเกิดปัญหา แต่สามารถใช้เชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ เช่น การบริหารสต็อกแบบเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO) หรือหมดอายุก่อน-ออกก่อน (FEFO) ได้อย่างแม่นยำอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพหรือตกรุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Pro Tip: Supplier Scorecard

ใช้ข้อมูล Lot Tracking ที่สะสมไว้มาสร้างเป็น 'Supplier Scorecard' เพื่อประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของซัพพลายเออร์แต่ละรายได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น อัตราของเสียจากวัตถุดิบแต่ละล็อต หรือความตรงต่อเวลาในการส่งมอบ ใช้ข้อมูลนี้ในการเจรจาต่อรองราคา หรือตัดสินใจเลือกคู่ค้าในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ

เปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นความแข็งแกร่งของธุรกิจ

การมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่ดี ไม่ใช่แค่การตั้งรับปัญหา แต่คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้าและลูกค้า พร้อมยกระดับสู่มาตรฐานสากล

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ดู Case Study
Taaxteam Post 4 July, 2025
Share this post
Tags