Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
จัดซื้อตามโครงการ (Project-based Procurement): ทางรอด SME เมื่อเจอออเดอร์ใหญ่ แต่เงินหมุนไม่ทัน
เปลี่ยนวิกฤตสภาพคล่องให้เป็นโอกาสเติบโต ด้วย Framework การจัดซื้อและบริหารสต็อกสำหรับโปรเจกต์ใหญ่โดยเฉพาะ
4 July, 2025 by
Taaxteam Post

บทนำ: ออเดอร์ใหญ่คือ 'โอกาส' หรือ 'กับดัก' ของ SME?

คุณเพิ่งปิดดีลโปรเจกต์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัทได้สำเร็จ ความตื่นเต้นและดีใจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่... แต่แล้วความกังวลก็ตามมา: เราจะเอาเงินจากไหนมาซื้อของเข้าระบบ? จะบริหารจัดการอย่างไรให้ส่งมอบงานได้ทันเวลาและมีกำไรเหลือ? นี่คือสถานการณ์ที่ SME ซึ่งกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลายแห่งต้องเผชิญ

การได้รับออเดอร์โครงการขนาดใหญ่คือสัญญาณการเติบโตที่ยอดเยี่ยม แต่หากไม่มีการเตรียมพร้อมด้าน การจัดซื้อตามโครงการ (Project-based Procurement) และการบริหารสต็อกที่ดีพอ โอกาสทองนี้อาจกลายเป็นวิกฤตที่ทำลายสภาพคล่องและสร้างความเสียหายให้กับบริษัทได้อย่างรวดเร็ว บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุของปัญหาและนำเสนอ Framework ที่เป็นรูปธรรมเพื่อเปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ

ทำไมออเดอร์ใหญ่ ถึงทำให้เงินขาดมือ? 3 สาเหตุหลักที่ SME มองข้าม

ปัญหาสภาพคล่องไม่ได้เกิดจากแค่การขาดเงินสด แต่เกิดจากกระบวนการทำงานภายในที่ไม่มีประสิทธิภาพ การพยากรณ์ที่ผิดพลาด และการขาดข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจ ซึ่งมักมีสาเหตุหลักมาจาก:

  • การพยากรณ์ต้นทุนที่ไม่แม่นยำ: การใช้ Spreadsheet หรือโปรแกรมบัญชีพื้นฐานในการประเมินต้นทุนโครงการ มักทำให้ต้นทุนแฝงที่สำคัญ เช่น ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย หรือค่าจัดเก็บพิเศษ ตกหล่นไป ทำให้งบประมาณที่ตั้งไว้บานปลาย และกำไรที่คาดว่าจะได้ลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย
  • กระบวนการจัดซื้อที่แยกส่วน: ฝ่ายขายปิดดีลโดยใช้ข้อมูลชุดหนึ่ง ฝ่ายจัดซื้อสั่งของตามความเข้าใจของตนเอง และฝ่ายบัญชีรอเอกสารเพื่อจ่ายเงิน โดยทั้งหมดทำงานบนข้อมูลคนละชุด ไม่มีศูนย์กลาง ทำให้เกิดความล่าช้า การสั่งของผิดพลาด และเสียเวลาไปกับการประสานงานที่ไม่จำเป็น
  • การบริหารสต็อกแบบเหมารวม: ปัญหาคลาสสิกคือการไม่ได้แยกสต็อกสำหรับ โปรเจกต์พิเศษ ออกจากสต็อกปกติ ทำให้วัตถุดิบที่ต้องใช้ในโครงการสำคัญ ถูกดึงไปใช้กับงานขายทั่วไปจนหมด ส่งผลให้ต้องสั่งซื้อใหม่เร่งด่วนในราคาที่สูงขึ้น หรือร้ายแรงที่สุดคือผลิตไม่ทันกำหนดส่งมอบ

ต้นทุนที่มองไม่เห็น: เปรียบเทียบวิธีจัดการแบบเดิม vs. แบบมีระบบ

การทำงานแบบ Manual ไม่เพียงแต่ช้าและผิดพลาดง่าย แต่ยังสร้างต้นทุนแฝงและค่าเสียโอกาสมหาศาล การเปลี่ยนมาใช้ ระบบ ERP สำหรับ SME ที่มีฟังก์ชัน บริการโครงการ โดยเฉพาะ จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ดังตารางเปรียบเทียบนี้

หัวข้อ วิธีจัดการแบบเดิม (Manual/Excel) วิธีจัดการด้วยระบบ (Project-based Procurement)
การมองเห็นต้นทุน เห็นแค่ราคาวัตถุดิบ ขาดต้นทุนแฝง ทำให้ประเมินกำไรผิดพลาด เห็นต้นทุนรวมจริงของโปรเจกต์ (Landed Cost) แบบ Real-time
สภาพคล่อง กระแสเงินสดตึงตัว คาดการณ์ยาก เสี่ยงต่อวิกฤตเงินสดหมุนเวียน วางแผนกระแสเงินสดล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น 30-40%
การจัดการสต็อก สินค้าขาด/เกิน กระทบส่งมอบ ลูกค้าปรับเพราะส่งงานล่าช้า สั่งซื้อและกันสต็อกสำหรับโปรเจกต์ได้ ลดปัญหาสต็อก 50%
ความเร็วในการทำงาน อนุมัติสั่งซื้อช้า ใช้เอกสารกระดาษ ตามเรื่องยาก ลดขั้นตอนและเวลาในการจัดซื้อลง 40% ผ่าน Workflow อัตโนมัติ

Framework 5 ขั้นตอน: เปลี่ยนงานจัดซื้อสุดป่วนให้เป็นระบบ (Project-based Procurement)

การจัดการการจัดซื้อสำหรับโปรเจกต์พิเศษให้มีประสิทธิภาพและควบคุมได้ ต้องมีขั้นตอนที่เป็นระบบตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อมีเครื่องมือที่เหมาะสม นี่คือ Framework 5 ขั้นตอนที่ธุรกิจของคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

  1. Step 1: Project Budgeting & Planning (การวางแผนและงบประมาณโครงการ): สร้างโครงการใหม่ในระบบ กำหนดรหัสโครงการที่ชัดเจน พร้อมทั้งระบุงบประมาณรวมและรายการวัสดุ (Bill of Materials - BOM) ทั้งหมดที่ต้องใช้ตลอดโครงการ เพื่อเป็นแผนแม่บทในการควบคุมค่าใช้จ่าย
  2. Step 2: Material Requisition (การขอซื้อวัสดุ): เมื่อถึงกำหนดการที่ต้องใช้วัตถุดิบ ฝ่ายผลิตหรือผู้จัดการโครงการสามารถสร้างใบขอซื้อ (Purchase Requisition - PR) ในระบบได้ทันที โดยอ้างอิงจากรายการวัสดุและงบประมาณที่กำหนดไว้ใน Step 1 เพื่อป้องกันการสั่งซื้อนอกแผน
  3. Step 3: Automated Approval Workflow (กระบวนการอนุมัติอัตโนมัติ): ระบบจะส่งใบขอซื้อ (PR) ไปยังผู้มีอำนาจอนุมัติตามลำดับขั้นที่ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติ (เช่น หัวหน้าแผนก > ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ > CFO) ซึ่งสามารถตรวจสอบและอนุมัติได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ลดปัญหาคอขวดจากการรออนุมัติด้วยเอกสาร
  4. Step 4: Purchase Order & Supplier Management (การสั่งซื้อและจัดการซัพพลายเออร์): ฝ่ายจัดซื้อรวบรวม PR ที่อนุมัติแล้วมาสร้างเป็นใบสั่งซื้อ (Purchase Order - PO) เพื่อส่งให้ซัพพลายเออร์ พร้อมทั้งสามารถติดตามสถานะการจัดส่งและเปรียบเทียบราคาจากซัพพลายเออร์แต่ละรายได้จากในระบบ ทำให้การ จัดการซัพพลายเออร์ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  5. Step 5: Goods Receipt & Accounting Linkage (การรับของและเชื่อมต่อบัญชี): เมื่อซัพพลายเออร์ส่งของมาถึง ฝ่ายสโตร์ทำการตรวจรับและบันทึกในระบบ ระบบจะทำการตัดสต็อกเข้าประจำโครงการนั้นๆ โดยอัตโนมัติ (ไม่ปะปนกับสต็อกปกติ) และในขณะเดียวกันก็สร้างบันทึกตั้งหนี้เจ้าหนี้ (AP) ในฝั่งบัญชีเพื่อรอการจ่ายเงิน ทำให้ข้อมูลสต็อกและข้อมูลการเงินเชื่อมโยงกันและถูกต้องเสมอ

กรณีศึกษา: SME ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์พลิกวิกฤตเงินหมุนสู่การเติบโต 2 เท่า

บริษัท A เป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่กำลังเติบโต ได้รับงานโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา แต่กลับต้องเจอปัญหาเงินหมุนไม่ทันอย่างรุนแรง เพราะต้องสำรองเงินซื้อไม้และอุปกรณ์ทั้งหมดล่วงหน้า ขณะที่การเบิกจ่ายจากลูกค้าแบ่งเป็นหลายงวด การใช้ Excel ในการติดตามต้นทุนและสต็อกเกิดความผิดพลาด ทำให้สั่งของเกินความจำเป็นและไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริงของโครงการ จนเกือบทำให้โครงการขาดทุนและเสียความน่าเชื่อถือ

หลังจากตัดสินใจลงทุนใน ระบบ ERP ที่รองรับ Project-based Procurement บริษัทสามารถวางแผนการจัดซื้อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตและกระแสเงินสดได้ดีขึ้น ผู้บริหารสามารถเห็นต้นทุนจริงของโครงการแบบ Real-time และอนุมัติการสั่งซื้อได้รวดเร็ว ทำให้ควบคุมงบประมาณได้อยู่หมัด ลดปัญหาสต็อกบวม และสามารถบริหารจัดการโครงการจนจบได้สำเร็จด้วยกำไรที่น่าพอใจ ผลลัพธ์คือบริษัทมีความมั่นใจในการรับงานโปรเจกต์ใหญ่มากขึ้น จนสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 2 เท่าในปีถัดมา

Pro Tip: หัวใจของการแก้ปัญหาไม่ใช่การหาเงินเพิ่ม แต่คือการ 'มองเห็น' ข้อมูลทั้งหมดแบบ Real-time ตั้งแต่ต้นทุนที่แท้จริง สถานะสต็อก ไปจนถึงกระแสเงินสด การมี 'Single Source of Truth' หรือข้อมูลแหล่งเดียวที่ทุกคนเชื่อถือได้ คือสิ่งที่ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมและนำพาองค์กรให้รอดพ้นจากวิกฤตได้

บทสรุป: ถึงเวลาเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความได้เปรียบ

การได้รับโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่มาพร้อมกับความท้าทายที่ใหญ่ขึ้นเสมอ อย่าให้ปัญหาการจัดการภายในและกระบวนการทำงานที่ล้าสมัยมาเป็นอุปสรรคขวางการเติบโตของธุรกิจคุณ การฝืนใช้เครื่องมือแบบเดิมๆ เพื่อแก้ปัญหาใหม่ๆ มีแต่จะสร้างความเสียหายมากกว่าผลดี

การนำเทคโนโลยีอย่าง ระบบ ERP มาใช้เป็น 'ระบบปฏิบัติการทางธุรกิจ' (Business Operating System) ไม่ใช่แค่การลงทุนในซอฟต์แวร์ แต่คือการลงทุนใน 'การควบคุม' และ 'วิสัยทัศน์' ที่จำเป็นสำหรับการสเกลธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคดิจิทัล ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนความปวดหัวเรื่อง เงินทุนหมุนเวียน SME และการบริหารโครงการ ให้กลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันของคุณ

พร้อมรับออเดอร์ใหญ่ครั้งถัดไป...อย่างมั่นใจแล้วหรือยัง?

ทุกโปรเจกต์ใหญ่คือโอกาสในการเติบโต อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนและการจัดการที่วุ่นวายมาขัดขวางคุณ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อวาง Workflow การจัดซื้อและบริหารโครงการที่เหมาะกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
Taaxteam Post 4 July, 2025
Share this post
Tags