Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
พยากรณ์กระแสเงินสด: วิธีรู้ล่วงหน้าว่าเงินจะพอจ่ายหรือไม่ (ฉบับ SME)
หยุดปวดหัวทุกสิ้นเดือน! เปลี่ยนความไม่แน่นอนเรื่องเงินสดให้เป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ ด้วยเครื่องมือและวิธีวางแผนการเงินที่จับต้องได้จริง
7 July, 2025 by
Taaxteam Post

เปิดสัปดาห์ใหม่ด้วยความกังวล? เผยวิธีรู้ล่วงหน้าว่าเงินจะพอจ่ายหรือไม่

เสียงแจ้งเตือนปฏิทินดังขึ้น... อีก 5 วันถึงวันจ่ายเงินเดือนพนักงาน อีก 7 วันถึงกำหนดจ่ายเงินซัพพลายเออร์รายใหญ่ คุณเหลือบมองกองใบแจ้งหนี้บนโต๊ะ สลับกับยอดเงินในบัญชีบริษัท ความรู้สึกกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ "เงินจะพอจ่ายไหม?" นี่คือคำถามที่ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ SME จำนวนมากต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ

ความไม่แน่นอนเรื่องเงินสดไม่ใช่แค่เรื่องน่าปวดหัว แต่มันคือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของธุรกิจที่กำลังเติบโต การขาดการมองเห็นอนาคตทางการเงินที่ชัดเจนทำให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานเพิ่ม การลงทุนในสต็อก หรือการขยายธุรกิจ แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถเปลี่ยนความกังวลนี้เป็นการตัดสินใจที่เฉียบคม ด้วยการมีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณ บริหารสภาพคล่อง SME ได้อย่างมืออาชีพ

ทำไม Excel ที่เคยเป็นเพื่อนรัก ถึงกลายเป็นคอขวดของธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น Spreadsheet อย่าง Excel คือเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมและเข้าถึงง่าย แต่เมื่อธุรกิจของคุณเติบโต มีธุรกรรมซับซ้อนขึ้น ลูกค้าและซัพพลายเออร์เพิ่มมากขึ้น Excel ที่เคยเป็นเพื่อนรักก็จะเริ่มสร้างปัญหา มันกลายเป็นคอขวดที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงจากข้อมูลที่ผิดพลาด, ไม่อัปเดต Real-time และที่สำคัญคือการเสียเวลาบริหารจัดการมหาศาลของผู้บริหารและทีมบัญชี

หัวข้อเปรียบเทียบ การพยากรณ์ด้วย Spreadsheet การพยากรณ์ด้วยระบบ ERP
ความเร็วในการได้ข้อมูล ช้า (ใช้เวลา 2-3 วันในการรวบรวมและกรอกข้อมูล) รวดเร็ว (Real-time หรือกดรีเฟรชได้ทันที)
ความถูกต้องแม่นยำ ต่ำ (เสี่ยงต่อ Human Error จากการคัดลอก/วางสูตรผิด) สูง (ข้อมูลถูกดึงจากระบบโดยตรง ลดความผิดพลาด)
การเชื่อมโยงข้อมูล ไม่เชื่อมโยง (ต้องดึงข้อมูลจากฝ่ายขาย/จัดซื้อมาเอง) เชื่อมโยงอัตโนมัติ (ดึงยอด AR/AP จากโมดูลอื่นมาทันที)
เวลาที่ใช้ในการจัดทำ สูง (15-25 ชั่วโมงต่อเดือน) ต่ำมาก (ระบบสร้างรายงานให้อัตโนมัติ)

รู้จัก 'Cash Flow Forecast': เข็มทิศการเงินที่ผู้บริหารทุกคนต้องมี

Cash Flow Forecast คืออะไร? มันไม่ใช่แค่งบการเงินที่ซับซ้อน แต่คือ "ปฏิทินทางการเงิน" ที่ช่วยให้คุณเห็นภาพอนาคตของเงินสดในบริษัทได้อย่างชัดเจนในช่วงเวลาสั้นๆ ข้างหน้า (เช่น 30, 60, หรือ 90 วัน) มันบอกคุณได้ว่าจะมีเงินไหลเข้าจากลูกหนี้เมื่อไหร่ และจะต้องเตรียมเงินไว้จ่ายเจ้าหนี้, เงินเดือนพนักงาน, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในวันไหน การมีข้อมูลนี้ในมือทำให้การ วางแผนการเงิน SME เป็นเรื่องง่ายและแม่นยำขึ้นอย่างก้าวกระโดด

Key Takeaway: งบกำไรขาดทุน (P&L) บอกว่าคุณ 'รวย' แค่ไหน แต่ Cash Flow Forecast บอกว่าคุณมีเงิน 'สด' พอที่จะจ่ายบิลต่างๆ หรือไม่ ซึ่งสำคัญกว่าในการดำเนินธุรกิจรายวัน

4 ขั้นตอนสร้าง Cash Flow Forecast ฉบับจับมือทำ (ใน 15 นาที)

แม้ว่าการใช้ Spreadsheet จะมีข้อจำกัด แต่การลองทำด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการทำงานของมันได้เป็นอย่างดี คุณสามารถสร้างแบบพยากรณ์กระแสเงินสดง่ายๆ เพื่อดูภาพรวมเบื้องต้นได้ดังนี้

  1. ขั้นตอนที่ 1: ตั้งต้นด้วยเงินสดในมือ (Opening Balance)
    เริ่มต้นด้วยการเช็กยอดเงินสดในบัญชีธนาคารทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่คุณเริ่มทำพยากรณ์ นี่คือจุดเริ่มต้นของคุณ
  2. ขั้นตอนที่ 2: ประมาณการเงินสดรับ (Cash Inflows)
    รวบรวมรายการเงินที่จะเข้ามาทั้งหมดในช่วงเวลาที่พยากรณ์ (เช่น 30 วันข้างหน้า) โดยดูจากใบแจ้งหนี้ที่ส่งให้ลูกค้าและกำหนดชำระ (Due Date) ที่คาดว่าจะได้รับเงินจริงๆ
  3. ขั้นตอนที่ 3: ประมาณการเงินสดจ่าย (Cash Outflows)
    รวบรวมรายการเงินที่จะต้องจ่ายออกไปทั้งหมด เช่น ค่าใช้จ่ายในการ จ่ายเงินซัพพลายเออร์, ค่าเช่า, ค่าน้ำค่าไฟ, และที่สำคัญที่สุดคือเงินเดือนพนักงาน
  4. ขั้นตอนที่ 4: คำนวณเงินสดคงเหลือปลายงวด (Ending Balance)
    ใช้สูตรง่ายๆ: (เงินสดต้นงวด + เงินสดรับทั้งหมด) - เงินสดจ่ายทั้งหมด = เงินสดคงเหลือปลายงวด ยอดนี้จะกลายเป็นเงินสดต้นงวดของสัปดาห์หรือเดือนถัดไป

หลุมพรางที่พบบ่อยในการพยากรณ์เงินสด (ที่ SME ส่วนใหญ่มองข้าม)

การพยากรณ์ด้วยตัวเองมักมีข้อผิดพลาดง่ายๆ ที่อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสภาพคล่องของบริษัท การมองโลกในแง่ดีเกินไปเรื่องรายรับ และการลืมค่าใช้จ่ายแฝง คือสองข้อผิดพลาดที่อันตรายที่สุด นี่คือหลุมพรางที่พบบ่อย:

  • เชื่อเครดิตเทอมของลูกค้ามากเกินไป: ไม่ได้เผื่อกรณีลูกค้าจ่ายช้ากว่ากำหนด ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำ
  • ลืมบวก VAT ในฝั่งค่าใช้จ่าย: มักจะประมาณการจากราคาของ แต่ลืมบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เข้าไปในฝั่งเงินสดจ่าย
  • ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่รายเดือน: เช่น ค่าประกันสังคม, โบนัสพนักงาน, ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรตามรอบ, หรือค่าต่ออายุซอฟต์แวร์รายปี
  • ไม่ได้อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน: ทำ Forecast แค่เดือนละครั้ง ทำให้ข้อมูลไม่สะท้อนสถานการณ์จริงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ต้องใช้วินัยและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าการพยากรณ์แบบ Manual นั้นใช้เวลาและพลังงานมากเพียงใด คุณสามารถดูตัวอย่างธุรกิจที่ก้าวข้ามปัญหานี้ได้จาก Case Study การเพิ่มสภาพคล่องของธุรกิจค้าปลีก

ก้าวต่อไป: จากการทำงาน Manual สู่ระบบอัตโนมัติด้วย ERP

เมื่อคุณตระหนักถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงของการทำงานบน Spreadsheet ก็ถึงเวลามองหาเครื่องมือที่ทรงพลังกว่า นั่นคือ ระบบ ERP สำหรับ SME อย่าง TAAX TEAM ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

เทคโนโลยี ERP คือการนำข้อมูลจากทุกส่วนของบริษัทมาเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อฝ่ายขายออกใบแจ้งหนี้ ระบบจะบันทึกเป็น ลูกหนี้การค้า (AR) โดยอัตโนมัติ เมื่อฝ่ายจัดซื้อรับใบวางบิลจากซัพพลายเออร์ ระบบก็จะบันทึกเป็น เจ้าหนี้การค้า (AP) ทันที ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกดึงไปสร้าง Cash Flow Forecast ที่แม่นยำและเป็นปัจจุบันแบบ Real-time โดยที่คุณและทีมบัญชีไม่ต้องเสียเวลามานั่งกรอกข้อมูลเองอีกต่อไป สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดเวลา 15-25 ชั่วโมงต่อเดือน แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง

เปลี่ยนความไม่แน่นอน ให้เป็นความมั่นใจในการตัดสินใจ

หยุดเสียเวลากับ Spreadsheet ที่ซับซ้อนและเสี่ยงผิดพลาด TAAX TEAM ERP ช่วยให้คุณเห็นภาพกระแสเงินสดล่วงหน้าได้แบบ Real-time ทำให้คุณวางแผนจ่ายซัพพลายเออร์และเงินเดือนพนักงานได้อย่างมั่นใจ และยังมีเวลาไปโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ดู Case Study การใช้งานจริง
Taaxteam Post 7 July, 2025
Share this post
Tags